ไม้แต่ละอย่างแต่ละชนิด ไม่ว่าจะเป็นไม้เนื้ออ่อน หรือไม้เนื้อแข็ง ล้วนมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป วันนี้มารู้จักไม้แต่ละชนิดว่ามีคุณสมบัติอย่างไร สามารถเลือกมาใช้กับงานชนิดไดได้บ้าง เริ่มจากไม้เนื้อแข็งกันก่อนเลย
ไม้แดง มีความแข็งมาก ทำให้เวลาเกิดความชื้นหรือร้อน จะขยายตัว เป็นไม้ที่มีการยืดหดตัวสูงที่สุดในบรรดาไม้ที่ใช้กันในบ้านเรา จึงมีปัญหาง่าย หากจะนำมาใช้ ก็ต้องมีการแก้ปัญหาเรื่องการยืดหดตัวเสียก่อน โดย ผ่านการอบมาอย่างดี หรือ นำไปใช้ในส่วนที่ตีเว้นร่อง เช่นบริเวณส่วนชายคาที่มีการตีเว้นร่องให้อากาศถ่ายเทออกจากหลังคาได้ ไม้แดงมีราคาแพง หาซื้อได้ไม่สะดวกเหมือนไม้เต็ง อาจจะใช้สำหรับบางงานที่ต้องการความแข็งแรงมาก ๆ หรือต้องการลวดลายสีสันของไม้แดง
ไม้เต็ง จัดเป็นไม้เนื้อแข็งรอง ๆ มาจากไม้แดง หาซื้อง่ายราคาไม่แพง และมีความแข็งแรงทนทานใช้ได้ โดยทั่วไปสำหรับโครงสร้างไม้ถือว่าไม้เต็งเป็นตัวกลางใช้กันทั่วไป แต่ปัจจุบันมีทั้งไม้เต็งไทยและไม้เต็งมาเลย์ ซึ่งมีทั้งคุณภาพความคงทนถาวรและราคา ไม้เต็งไทยจะเหนือกว่าไม้เต็งมาเลย์
ไม้มะค่า เป็นไม้ที่มีความแข็งแรงมากอีกชนิด ราคาแพง ถ้าถูกน้ำนิดเดียวในขณะก่อสร้างสี ไม้มะค่าจะออกเป็นสีดำคล้ำปื้น ๆ น่าเกลียดทีเดียวครับ มีข้อดีก็ตรงที่มีลวดลายของไม้ที่สวยงาม ไม้มะค่ามีการยืดหดค่อนข้างน้อยมาก จึงมีผู้นิยมนำไม้มะค่าไปทำวงกบประตูหน้าต่างก็ใช้ดีมากเลย
ไม้ประดู่ ส่วนใหญ่คือ ประดู่แดง หรือ ประดู่เหลือง ความแข็งใกล้เคียงกับไม้แดง แต่ยืดหดน้อยกว่า (ถามจากช่างไม้ และช่างทำวงกบมาหลายราย) แต่คนไม่ค่อยชอบ เพราะ สีบางครั้งออกเป็นจ้ำ ๆ (ไม่สวยเหมือนมะค่า) ไม่เรียบร้อย เหมือน ไม้แดง ตอนแรก ๆ ก็เลยไม่เป็นที่นิยมกันจนกระทั่งมีนโยบายมาปิดป่า ไม้แดงจึงหายากขึ้นทุกทีและมีราคาแพง เมื่อหลายปี มานี่แหละครับ ไม้ประดู่ จึงเริ่มเป็นที่รู้จักกัน อย่าง จริงจัง
ไม้ตะเคียน ที่นิยมกันมากคือ "ไม้ตะเคียนทอง" ครับ เพราะว่ามีความแข็งเพียงพอ และมีการยืดหดตัวน้อยมาก จึงเหมาะกับการทำวงกบครับ อีกทั้งยังมีราคาถูก แต่ปัญหาของตะเคียนทองก็คือ หาไม้ตะเคียนจริง ๆ ยากและ ตรวจสอบยากนิดหน่อย
สำหรับท่านที่ต้องเลือกใช้ไม้ ก็พิจารณาเลือกใช้กันให้ถูกต้องเหมาะสมกันนะครับ ไม้แต่ละชนิดอาจเหมาะกับงานที่แตกต่างกันออกไป บางชนิดก็พอใช้แทนกันได้ด้วยคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน
